วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โรคเอดส์



วันนี้เรายังอยู่ในบทชีวะกันนะค่ะ วันนี้นำเสนอเรื่องโรคเอดส์



วัคซีนโรคเอดส์ AIDE

วัคซีนกับโรคเอดส์
 
            ยาต้านไวรัสเอดส์ หรือบางคนเรียกสั้นๆ ว่า "ยาต้าน" ศัพท์ทางหมอจะเรียกกันว่า เออาร์วี (ARV) อ่านว่า เอ-อา-วี ย่อมาจาก (Antiretroviral) ก็คือยาที่ทางการหมอทั่วโลกรับรองว่าใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ได้ ซึ่งในปัจจุบันมียาต้านไวรัสเอดส์มากมาย แต่ในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงก็เฉพาะยาต้านไวรัสเอดส์ที่มีใช้ในเมืองไทย ทั้งการซื้อหามาจากต่างประเทศ และองค์การเภสัชกรรม ในประเทศไทยผลิตได้เอง ทำไมถึงเรียกว่า "ยาต้าน" ก็ต้องเข้าใจก่อนว่ายังไม่มียาที่รักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ (ใจเย็นๆนะ อาจจะมีข่าวดีในไม่ช้านี้ก็ได้) เพียงแต่ยาพวกนี้สามารถเข้าไปช่วยยับยังการแพร่พันธุ์ทำให้เชื้อไวรัสเอดส์ลดน้อยลงได้ และไม่ให้มันเข้าไปทำลายเซลส์เม็ดเลือดขาวของเรานั่นเอง ซึ่งยาเหล่านี้เราสามารถจัดแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้


 
         กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มที่จะเข้าไปต่อต้านไม่ให้เชื้อไวรัสเอดส์เข้าไปในเซลส์เม็ดเลือดขาว ก็เหมือนกับคนเก็บบัตรหนังบัตรลิเกบ้านเรานั่นแหละ ไม่มีบัตรก็เข้าไม่ได้ ส่วนชื่อทางการหมอก็คือ กลุ่มนิวคลีโอไซด์ อะนาล็อก รีเวอร์ส ทรานสคริบเตส อินฮิบิเตอร์ (NRTIs ย่อมาจาก Nucleoside Analog Reverse Transcriptase Inhibitors) หรือเรียกสั้นๆ ว่า กลุ่ม นิวคลีโอไซด์
         กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่คล้ายๆ กันกับกลุ่มแรก แต่จะมีกระบวนการต่อต้านที่แตกต่างกันจากกลุ่มแรก เช่นอาจจะเป็นคนเก็บตั๋วที่เข้มงวดมากขึ้น มีเด็กมาด้วยก็เก็บครึ่งหนึ่งเป็นต้น มีชื่อทางการว่า กลุ่ม น็อนนิวคลีโอไซด์ รีเวอร์ส ทรานสคริปเตส อินฮิบิเตอร์ (NNRTIs ย่อมาจาก Non-Nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitors) เรียกสั้นๆ ว่า น็อนนิวคลีโอไซด์ เพิ่มคำว่า น็อนนำหน้าอีกคำเดียวเท่านั้น
          กลุ่มที่ 3 มีชื่อว่า กลุ่มโปรติเอส (Protease Inhibitors) หรือกลุ่ม พีไอ (PIs) ยากลุ่มนี้จะช่วยควบคุมจำนวนเชื้อไวรัสไม่ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือถ้าเพิ่มขึ้นก็จะทำให้เชื้อเอดส์มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ พิกลพิการ และไม่สามารถแพร่พันธ์ออกลูกออกหลานได้อีก (ถ้าพูดแบบชาวบ้านๆ ก็คล้ายกับการกินยาคุมกำเนิด แต่คุมไม่ได้ออกมาก็อาจจะพิการได้นั่นแหละ) แต่ยากลุ่มนี้ค่อนข้างมีราคาแพงอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีการลดราคายาลงมาบ้างแล้วก็ตาม
 

 
การดื้อยา 
            หลังจากที่ผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยเอดส์ ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ไประยะหนึ่งแล้ว (นานแค่ไหนก็บอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการกินยาตรงตามเวลา กินยาครบทุกมื้อที่กำหนด กินยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องหรือไม่ เพราะบางคนก็อาจจะลืมกินยา เป็นต้น) เชื้อโรคเอดส์ที่เกิดขึ้นมาใหม่และเพิ่มจำนวนขึ้นมาแล้ว มันพยายามที่จะปรับตัวมันใหม่รูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม (ก็พวกกลายพันธุ์ที่พูดไว้ตอนต้นนั่นแหละ) ทำให้ยาที่กินไปนั้นไม่รู้จักมัน และฆ่ามันไม่ได้ เหมือนพวกโจรผู้ร้ายที่ปลอมตัวหนีตำรวจไม่ให้จับได้ยังไงยังงั้นแหละ ดูซิว่ามันฉลาดแค่ไหน ถึงตอนนี้ก็คงรู้แล้วนะว่าทำไมเราถึงกำจัดเจ้าไวรัส วายร้ายไม่หมดซักที
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น